สหภาพยุโรปมีอิทธิพลสูงต่อเวทีโลก เนื่องด้วยมีประชากรกว่า 500 ล้านคนและมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ คิดเป็นกว่า 30% ของโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
สหภาพยุโรป (The European Union)
ความเป็นมาของศัพท์ “สหภาพยุโรป”
ศัพท์คำว่า สหภาพยุโรป นั้น ปรากฏอย่างเป็นทางการในที่ประชุมสุดยอดของบรรดาผู้นำประเทศสมาชิกประชาคม ยุโรป ณ กรุงปารีส ในปี ค.ศ 1972 โดยที่ประชุมในครั้งนั้นได้ตั้งจุดมุ้งหมายเอาไว้ว่า จุดหมายหลักคือการพัฒนาด้วยความเคารพและยึดมั่นในสนธิสัญญาที่ประเทศสมาชิก ได้ลงนามไว้ ในอันที่จะกระทำความสัมพันธ์อันซับซ้อนทั้งมวลระหว่างประเทศให้กลายเป็น สหภาพยุโรป ต่อมาได้มีการระบุแนวความคิดดังกล่าวไว้ในบทอารัมภกถาของสัญญาจัดตั้งตลาด เดียวแห่งยุโรป แต่ไม่ปรากฏในสนธิสัญญาจัดตั้งสหภาพยุโรป โดยมาตรา A ของสนธิสัญญาดังกล่าวได้ระบุข้อความที่เกี่ยวกับสหภาพไว้แทนที่ว่า สนธิสัญญาฉบับนี้เป็นสัญญาลักษณ์ของก้าวใหม่ในกระบวนการสร้างสรรค์สหภาพที่ มีความสัมพันธ์ไกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ของประชาชาติยุโรป โดยการตัดสินใจใดๆ ของสหภาพจะกระทำใกล้ชิดกับเมืองของยุโรปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในกระบวนการดังกล่าวนี้ สหภาพควรจะจัดระบบความสัมพันธ์ระหว่างประขาชาติยุโรปให้แสดงถึงความมีเอกภาพ และความเป็นปึกแผ่น
อย่างไรก็ดี ความพยายามในการกำหนดรูปแบบของสหภาพยุโรปอย่างชัดเจนทั้งจากแวดวงการเมือง และจากนักวิชาการประสบความสำเร็จอยู่ในวงจำกัด การตรวจสอบความหมายของคำว่า สหภาพ หรือจุดมุ้งหมายกันตามแบบของนักวิชาการยังไม่รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ ในทางการเมือง ดังจะเห็นได้จาก คำประกาศแห่งสตุตการ์ท ค.ศ 1986 ซึ่งมีการระบุไว้เพียงจุดมุ้งหมายทั่วไปในการบรรลุถึงการเป็นสหภาพยุโรป อาทิเช่น หลักการประชาธิปไตยและการเคารพในกฎหมายสิทธิมนุษยชน เป็นต้น มีข้อสังเกตว่า ในเอกสารทั้ง2ฉบับได้ว่างแนวทาง 2 ในการพัฒนาสหภาพยุโรปไว้ กล่าวคือประเทศสมาชิกจะดำเนินการเพื่อให้บรรลุถึงการเป็นสหภาพยุโรปโดยอาศัย หลัก2ประการคือ
- หลักของประชาคมยุโรปที่ทำงานไปตามระเบียบของตนเอง และ
- หลักความร่วมมือระหว่างชาติสมาชิก
หลังจากที่การให้สัตยาบันสนธิสัญญามาสทริกท์ประสบกับปัญหาต่างๆ ในประเทศสมาชิกหลายประเทศ ทำให้เกอดเสียงิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากเกี่ยวกับแนวคิดแบบสหพันธ์นิยม การให้คำนิยามสภาพยุโรปว่าเป็นสมาคมของรัฐสมาชิกโดยศาลรับธรรมนูญของเยอรมนี ในคำพิพากษาว่าด้วยสนธิสัญญามาสทริกท์ที่ออกเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ 1993 นั้น แม้ว่าจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้มากมายก็ตาม แต่ก็มีผลในแนวคิดใหม่การอภิปรายเกี่ยวกับขอบเขตของการรวมยุโรป และสหภาพยุโรป
สนธิสัญญามาสทริกท์ว่าด้วยสหภาพยุโรป
ในปี ค.ศ 1991 ที่ประชุมสุดยอดของประชาคมยุโรป ณ เมืองมาสทริกท์ได้วางแนวคิวสหภาพยุโรปไว้ในสัญญาฉบับใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่1 พฤศจิกายน ค.ศ 1993 โดยทั่วไป สนธิสัญญาจัดตั้งสหภาพยุโรปที่ได้รับการลงมติอนุมัติจากคณะมนตรียุโรปหรือ ที่ประชุมสุดยอดยุโรปนี้เป็นการรวมเอาข้อกำหนดในทางกฎหมายของนโยบายด้าน ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน กล่าวคือ สหภาพยุโรปจะประกอบด้วยสถาบันเสาหลัก3สถาบัน
- ประชาคมยุโรป ซึ่งประกอบด้วย สหภาพศุลกากร ตลาดเดียวแห่งยุโรป นโยบายร่วมด้านการเกษตร นโยบายด้านโครงสร้างและสหภาพเศรษฐกิจและการเงิน
- นโยบายร่วมด้านการต่างประเทศและความมั่นคง
- ความร่วมมือในด้านกิจการยุติธรรมและกิจการภาย ใน
1 มาตรการทั่วไป
2 ส่วนแก้ไขเพิ่มเติมสนธิสัญญาจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจยุโรป เพื่อจัดตั้งประชาคมยุโรป ซึ่งรวมถึงสหภาพเศรษฐกิจและการเงิน และความเป็นผลเมืองของสหภาพยุโรป
3 นโยบายร่วมด้านการต่างประเทศและความมั่นคง
4 ความร่วมมือในด้านกิจการยุติธรรมและกิจการภายใน
5 มาตราสรุป
6 อนุสัญญาและพิธีการที่สำคัญต่างๆ อันเกี่ยวกับการสร้างความเป็นปึกแผ่นทางเศรษฐกิจและสังคม นโยบายด้านสังคม คำอธิบายเกี่ยวกับ CFSP และเอกสารประกอบที่ประเทศสมาชิกจัดทำเกี่ยวกับ สหภาพยุโรปตะวันตก
No comments :
Post a Comment