Monday, February 25, 2013

ร้อยไหมเป๊ะเว่อร์ แค่กระแสหรือดีจริง?!?

ยุคนี้ถ้าไม่พูดถึงนวัตกรรมความงามอย่าง "ร้อยไหม" คงเอ้าท์เอามากๆ เพราะไม่ว่าหันไปทางไหน ใครๆ ก็พูดถึงกันทั้งนั้น ยิ่งทุกวันนี้วัฒนธรรมเกาหลีเข้ามามีอิทธิพลต่อสังคมไทย ทั้งภาพยนตร์ ซีรี่ย์ สไตล์การแต่งตัว โดย เฉพาะอย่างยิ่งศัลยกรรมความงามอันเลืองชื่อที่ฮอตฮิตกันในในหมู่ดาราเซเล็บ เกาหลี เพราะสามารถเปลี่ยนสาวหน้าบ้านๆ ให้กลายเป็นสาวงามระดับซุปตาร์แถวหน้าได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้ K-Cosmetic มาแรงแซงโค้ง ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และ "ร้อยไหมยกกระชับ/เปลี่ยนรูปหน้า" คือนวัตกรรมความงามล่าสุดจากเกาหลีที่ถูกกล่าวถึง และกำลังแพร่หลายอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งก็มีทั้งกระแสดีเว่อร์ และกระแสลบที่พูดถึงผลกระทบของการร้อยไหม สาวๆ ที่อยากหน้าตึง สวยเป๊ะทุกองศา คงอยากจะรู้ว่า "ร้อยไหม" คืออะไร? ทำแล้วหน้าจะพังไหม? อันตรายรึเปล่า? และอีกสารพันคำถาม ดังนั้นวันนี้เราจึงมีคำตอบมาไขข้อข้องใจ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้นค่ะ


ร้อยไหมดึงหน้า คืออะไร?

ร้อยไหมคือ การนำเส้นไหมชนิดพิเศษมาร้อยเข้าใบบริเวณใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ มีผลทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนรอบๆ เส้นไหม ซึ่งทิศทางการร้อยของเส้นไหมที่สานกันเป็นร่างแห จะทำให้เกิดแรงตึง แรงยกในชั้นผิวหนัง ใบหน้าจึงดูเต่งตึง ยกกระชับขึ้นหลังการร้อยไหม โดยเห็นผลครั้งแรกหลังทำภายใน 1- 2 อาทิตย์ และเห็นผลได้ชัดเจนขึ้นในอีก 1-2 เดือนถัดมา วิธีนี้ไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่มีแผลขนาดใหญ่ อาจมีรอยเข็มเล็กๆ เท่านั้น หลังทำจึงไม่ต้องพักฟื้น ล้างหน้า แต่งหน้า ทาครีมได้ตามปกติ แต่อาจมีรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เกิน 1 อาทิตย์ก็จะค่อยๆ ลดเลือนหายไป



ไปรู้จักไหมดึงหน้า กันดีกว่า ...
กลุ่มไหมถาวร
1. Gold Thread เป็นการนำไหมที่ทำด้วยทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% ขนาดประมาณเส้นผม ร้อยเป็นลักษณะโครงตาข่ายในชั้นผิวหนัง โดยทองคำจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น และมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ แต่เพราะด้ายทองไม่มีปมหรือแง่งใดๆ จึงไม่มีผลในแง่ของ Mechanic Lifting มากนัก จึงต้องรอผลจากการกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซม จะเริ่มเห็นผลเมื่อ 1 เดือนเป็นต้นไป โดยไหมทอง 1 เส้น จะมีความยาวตั้งแต่ 25 - 50 cm ขณะทำก็จะตัดไปเรื่อยๆ ขณะร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนัง ดังนั้น การร้อยไหมทั้งหน้าก็จะใช้เพียงไม่กี่เส้น ข้อเสียของไหมทองคำ คือ ค่าใช้จ่ายสูงมาก หลังทำต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน หรือทำทรีทเมนต์ต่างๆ และไม่เหมาะในผู้ที่แพ้โลหะ



2. Feather-Lift หรือ Aptos ® threads เป็นไหมที่ไม่สามารถละลายได้ (monofiliment material - "polypropylene") ที่มีลักษณะเป็นรูปก้างปลาบั่งออกเป็นซี่ๆ จากตัวเส้นไหมเอง ปัจจุบันไม่นิยมแล้ว เพราะมักเกิดปัญหาในระยะยาว เช่น นานๆ ไปอาจมีแง่งไหมโผล่ออกจากผิว ต้องไปผ่าเอาออก
3. Silhouette Lift เป็นไหมที่ไม่สามารถละลายได้ ไหมมีการทำปมเป็นระยะๆ โดยระหว่างปมจะมีกรวยรูปร่างคล้ายไอศครีม ซึ่งจะถูกล็อคตาแหน่งไว้โดยปมข้างต้น เจ้ากรวยนี้ทำจากวัสดุเดียวกับไหมละลาย ไหมไม่ละลายแแบบนี้ มีใช้ทางการแพทย์มานานกว่า 50 ปี ในการผ่าตัดหัวใจ ซึ่งไม่มีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อมนุษย์ (Biocompatibility)

รูปไหมไม่ละลาย : B, C = Aptos และ Happy thread lift, E = SILHOUETTE LIFT

กลุ่มไหมละลาย
จะเป็นไหม PDO (polydioxanone) ซึ่งเป็นไหมละลายที่ใช้ในการเย็บผนังเส้นเลือดหัวใจ ซึ่ง มีโอกาสแพ้น้อยมาก ไม่มีผลปฏิกิริยาต่อผิวหนัง ไหมละลายที่นำมาร้อยกระชับจะค่อยๆ ละลายไปภายใน 6-8 เดือน ไม่เหลือตกค้างให้เกิดผลข้างเคียงภายหลัง นอกจากจะเห็นผลทันทีหลังทำแล้ว ยังพบผลดีต่อเนื่องได้อีก คือขณะที่ไหมละลายอยู่ใต้ผิวหนัง จะกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ (Local microcirculation) มีผลให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนรอบๆ เส้นไหม จึงเกิดการยกกระชับมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ผิวหน้าจะยิ่งดีขึ้น กระชับขึ้นเรื่อยๆ และได้ผลต่อเนื่องนานถึง 12-18 เดือน Fine Thread Lifting ( FTL ) คือเทคนิคการนำไหมละลาย PDO มาร้อยเพื่อดึงยกกระชับหน้า เป็นนวัตกรรมจากเกาหลีและนิยมทำกันมากในประเทศไทย ไหมเส้นหนึ่งๆ จะมีขนาดเล็กมาก และไม่ยาวมากนัก โดยแต่ละเส้นจะมีขนาดตั้งแต่ 3-9 cm เท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าทาทั้งหน้าและลาคอ อาจต้องใช้มากถึง 100-150 เส้นเลยทีเดียว วิธีการนี้ถือว่าปลอดภัยที่สุดถ้าเทียบกับไหมแบบอื่นๆ ค่ะ



สรุป ว่าการร้อยไหมเป็นนวัตกรรมความงามเพื่อการยกกระชับใบหน้า หรือใช้ในการดีไซน์รูปหน้าเพื่อให้ได้รูปยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้หน้าเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย เห็นผลได้ในเวลาอันรวดเร็ว สาวๆ ที่อยากจะร้อยไหมก็คงได้ข้อมูลนำไปใช้ในการตัดสินใจกันแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใด หากคิดจะร้อยไหม หรือทำศัลยกรรมใดๆ ควรเลือกโรงพยาบาล คลีนิค หรือสถาบันความงามที่ได้มาตรฐาน มีการรับรองอย่างถูกต้อง และแพทย์ควรเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านศัลยกรรมความงาม ดีที่สุดค่ะ

No comments :

Post a Comment