กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจประจำปีในหัวข้อ "อาชีพในฝันของเด็กไทย" ครั้งที่ 5 พบว่า แพทย์ยังคงครองอันดับ 1 อาชีพในฝันของเด็กไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 5
ด้วยเหตุผลว่า อยากช่วยเหลือดูแลรักษาผู้อื่น รวมถึงดูแลรักษาพ่อแม่
และญาติพี่น้อง อีกทั้ง มองว่าแพทย์มีรายได้ดี
โดยเด็กไทยมีความต้องการด้านรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 1 หมื่นบาทถึง 1 ล้านบาท
สำหรับอาชีพในฝันของเด็กไทยรองลงมาคือ ทหาร, ตำรวจ, วิศวกร และครู ตามลำดับ
"ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์" ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค-ไทย และเวียดนาม
กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย กล่าวว่า
นอกจากอาชีพข้างต้นแล้วยังมีเด็กบางคนเลือกอยากเป็นเชฟทำอาหาร
โดยให้เหตุผลว่าเป็นความชื่นชอบส่วนตัว
ขณะที่เด็กส่วนหนึ่งอยากทำอาชีพที่อยู่ในวงการบันเทิง ซึ่งรวมถึงนักร้อง,
นักดนตรี, นักแสดง, นางแบบ และพิธีกร
เพราะเป็นความใฝ่ฝันและอยากสร้างความสุขให้คนอื่น
"เด็กบางส่วนบอก ว่า เขาอยากเป็นนักเขียนโปรแกรม
เนื่องจากมีรายได้ดีและเป็นอาชีพอิสระ
นอกจากนี้ยังมีอาชีพที่อยู่ในความสนใจของเด็ก ๆ อีก เช่น นักวิทยาศาสตร์,
ชาวนา, นักบินอวกาศ, นักวาดการ์ตูน, นักมายากล, นักฟุตบอล
หรือนักแบดมินตัน อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจอาชีพในฝันของเด็กในปีนี้
มีจำนวนเด็กที่เลือกอยากเป็นนักธุรกิจเพียงแค่ 3.5%
ซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้วมาก" ธิดารัตน์กล่าว
ขณะเดียวกัน ยังมีคำถามที่ถามถึงอาชีพที่เด็กๆ คิดว่าดีที่สุด หรือเท่ที่สุด พบว่าคำตอบแบ่งเป็น 2 ประเภท
กลุ่มแรกได้คำตอบที่สอดคล้องกับอาชีพในฝันที่อยากเป็นเมื่อโตขึ้น
อย่างเช่น ฝันอยากเป็นนักดนตรี และเห็นว่านักกีตาร์เท่ที่สุด
หรือฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์
และคิดว่าการทำงานในนาซ่าเป็นอาชีพที่เท่ที่สุด
ส่วนเด็กอีกกลุ่มหนึ่งจะมีคำตอบเรื่องอาชีพที่คิดว่าเท่ หรือดีที่สุด
ต่างจากอาชีพในฝัน อย่างเช่นเด็กคนหนึ่งฝันอยากเป็นสถาปนิก
แต่คิดว่าอาชีพที่เท่ที่สุดคือนักแข่งรถ หรือฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูน
แต่คิดว่าอาชีพประธานาธิบดีเป็นอาชีพที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อสอบถามเด็กๆ ว่า ถ้าได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย สิ่งที่ต้องการทำ 3 อย่างคืออะไร
คำตอบที่ได้เรียงลำดับดังต่อไปนี้ คือ ดูแลช่วยเหลือประชาชน,
พัฒนาประเทศ, พัฒนาการศึกษา
อยากให้เด็กด้อยโอกาสและเด็กยากจนได้รับการศึกษา, ปรับปรุงระบบคมนาคม
และแก้ปัญหารถติด, ปรับกฎหมายให้เข้มงวดมากขึ้น, ปราบปรามยาเสพติด,
ต่อต้านการโกงกินบ้านเมือง, ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม,
ลดความขัดแย้งทางการเมือง และแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ธิดารัตน์ กล่าวว่า คำตอบส่วนใหญ่ที่ได้รับจากผลการสำรวจเด็กไทยครั้งนี้
พบว่าสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบัน และสื่อทีวี
มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของเด็กไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2556
แสดงให้เห็นว่าเด็กไทยให้ความสนใจเรื่องการเมืองมากกว่าเมื่อก่อน
นอกจากนี้ รายการทีวีประเภทประกวดความสามารถที่มีอยู่มากมาย
ก็มีส่วนเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เด็กๆ
ให้ความสนใจอาชีพวงการบันเทิงมากกว่าในอดีต
No comments :
Post a Comment