Friday, November 23, 2012

เรื่องกษัตย์องศ์สุดท้ายของยูโกสลาเวีย

เรื่อง กษัตย์องศ์สุดท้ายของยูโกสลาเวีย
      (Dogstar เล่าเรื่องไปยุโรบตะวันออก ตอน๔)

    ลืมเล่าถึงเรื่องยูโกสลาเวียอีกหน่อยค่ะ คำว่า ประเทศยูโกสลาเวีย
 ถูกลบออกจากแผนที่ยุโรบหลังจากใช้ชื่อนี้มาถึง๘๓ปีแน่ะ กลายเป็น
สาธารณรัฐเซอร์เบียและมอนเตนีโกรหลังจากรัฐต่างๆ
แยกตัวไปเป็นประเทศอิสระค่ะและเกิดสงครามกลางเมือง
จนประเทศล่มสลาย เศรษฐกิจล่มจม
น่าเศร้าใจประเทศที่ยิ่งใหญ่ประเทศอุตสาหกรรมหนัก
ประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้า มีนักคิด นักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ
ระดับหนึ่งของโลกประเภทหนึ่งอย่างไอนสไตน์มีภรรยาเป็นชาวเซอร์เบีย
อยู่ในสตาฟที่คิดค้นสูตรปรมาณู เทศล่าค้นพบหลอดไฟฟ้าค้นพบสิ่งต่างๆมากมาย
ที่อเมริกานำไปพัฒนาต่อยอดออกมาจนทุกวันนี้



ดูจากภาพตอนนั้นพระเจ้าปีเตอร์ที่ ๒ยังมีพระเยาว์มากนะคะ
รัฐบาลของยูโกสลาเวีย พยายามบีบพระองค์ให้ลี้ภัยสงคราม
ไปต่างประเทศ ตอนที่พระองค์รับศิลในโบสถ์
พระราชินีอลิซเบ็ทที่ ๒ ของอังกฤษเป็น Godmother
ของพระองค์ค่ะ



กษัตย์องค์สุดท้ายของยูโกสลาเวีย

    เมื่อวันที่ ๖ เมษายน  ๑๙๔๑ กองทัพเยอรมันได้เข้า
ยึดยูโกสลาเวียซึ่งตอนนั้นมีการปกครองแบบมีพระมหากษัตย์เป็นประมุข
แต่ภายในสองวันหลังจากเข้ายึดครองพระมหากษัตย์ของยูโกสลาเวีย
(ตอนนั้นยังอายุน้อย)และคณะรัฐบาลได้ออกนอกประเทศ
ได้ปล่อยให้กองกำลังต่อต้านเยอรมันซึ่งมีสองกลุ่มต่อต้านเยอรมันตามลำพัง
 มี ตีโต้ ซึ่งเป็นฝ่ายผู้รักชาติ(ซึ่งตอนหลังเข้ากับฝ่ายรัสเซีย)
กับฝ่าย เช็คนิค(Chetnik) ที่เป็นพวกที่สนับสนุนระบอบการปกครองแบบกษัตย์

    การต่อสู้กับเยอรมันทำให้ยูโกสลาเวียเป็นพื้นที่มีการต่อสู้ที่
โชกเลือดที่สุดคนตายมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรบ พอสงครามเลิก
มีการเลือกตั้งค่ะ  ตีโต้ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีและ
ฝ่ายกษัตย์ไม่ยอมรับการเลือกตั้งครั้งนั้นและ
ยูโกสลาเวียก็เป็นประเทศสาธารณะรัฐสังคมนิยม
มีประธานาธิบดีเป็นผู้ปกครองประเทศ
    ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องระบอบการปกครองที่มีกษัตย์ใน
ยูโกสลาเวียที่ล่มสลายไปแล้ว เพื่อเป็นการเตือนใจให้กับคนไทยทั้งหลายว่า
 เมืองไทยมีการปกครองโดยพระมหากษัตย์ที่ดีเลิศที่สุดในโลก
เกือบทุกพระองค์มีพระกรุณาธิคุณ ต่อบ้านเมืองต่อประชาชนอย่างหา
ที่เปรียบไม่ได้  เมืองไทยมีสิ่งที่ดีเลิศอยู่แล้วอย่าได้คิดเปลี่ยนแปลง
โดยเอาสิ่งที่ไม่คู่ควรกับบ้านเมืองหรือ คนที่ไม่คู่ควรมาเป็นผู้ปกครองหรือดูแล
ทุกข์สุขของประชาชนคนไทยเลยเราอยู่แบบนี้มานานแล้ว อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
แบบพ่อกับลูกสิ่งดีๆที่มีอยู่ควรจะคงอยู่ต่อไป อย่าได้มีความทะเยอทะยาน
เปลี่ยนการปกครองไปเป็นระบอบอื่นเลย อย่าอยากเป็นใหญ่เป็นโต
อยากมีบุญบารมีให้คนเคารพบูชาเลย บางคนวาสนาไม่ถึงหรอก
และอาจจะต้องใช้ชีวิตระหกระเหินพลัดที่นาคาที่อยู่ไปจนตลอดชีวิต



 นี่คือที่ฝังศพของกษัตย์องค์สุดท้ายของยูโกสลาเวีย อยู่ที่โบสถ์กรีกออร์โธด็อกซ์ อเมริกา

    อยากจะเล่าถึงกษัตย์องค์สุดท้ายของยูโกสลาเวียค่ะตอนที่
พระองค์ลี้ภัยสงครามเท่าที่อ่านมาพระองค์อายุน้อยมากและมีการเมือง
มาเกี่ยวข้องมากมายดูเหมือนว่ายังมีอำนาจที่มองไม่เเห็นมีอิทธิพล
มาทำให้พระองค์ทำอะใรไม่ได้มากนักในฐานะกษัตย์ มีที่ปรึกษามากมาย
แต่ให้คำปรึกษาไม่ได้เรื่องและ ประเทศมหาอำนาจอย่างเยอรมัน
เช่นฮิตเลอร์พยายามจะมีอำนาจเหนือประเทศต่างๆแถบคาบสมุทรบัลข่าน
พระองค์ลี้ภัยไปที่กรีก อัลบาเนีย ตอนหลังไปเข้าร่วมรบสู้กับเยอรมัน
โดยเข้าร่วมรบกับกองทัพอากาศของอังกฤษค่ะ พระองค์เรียนที่
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ สิ้นพระชนม์ที่ประเทศอเมริกา
โดยขณะที่ยังมีพระชนม์อยู่พระองค์ไม่ได้กลับยูโกสลาเวียอีกเลย
แม้แต่พระศพ ทางการยูโกสลาเวียตอนนั้นก็ไม่ยอมให้นำกลับไปฝั่ง
ที่สุสานของตระกูลของพระองค์ นี่เป็นเรื่องเศร้าอีกเรื่องหนึ่ง
ที่พวกเราทุกคนควรเอาเป็นบทเรียนถึงความแตกแยก ความไม่ปรองดองกัน
การคอร์รัปชั่นและสงครามกลางเมืองทำให้เกิดผลร้ายแรงแก่ประเทศชาติ
ทำให้ชาติล่มจมแตกสลายเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย



จอมพล ตีโต้(TiTo)

    ต่อมายูโกสลาเวียก็เปลี่ยนการปกครองจากระบอบกษัตย์
มาเป็นการปกครองแบบคอมมูนิสต์อย่างสิ้นเชิง
เมื่อปี๑๙๔๕ ตีโต้พยายามอย่างหนักที่จะรักษาความเป็นกลาง
และเป็นตัวของตัวเอง โดยพยายามไม่อยู่ไต้อิทธพลของโซเวียตจนเกินไป
และเขาก็ทำได้สำเร็จตลอดระยะเวลาอันยาวนานมี่ตีโต้ได้ปกครองประเทศ
เขาทำให้ยูโกสลาเวียเป็นปึกแผ่นและอยู่รวมกันหมดทุกรัฐภาย
ไต้คำว่าประเทศยูโกสลาเวีย หลังจากตีโต้เสียชีวิต
ประเทศได้แตกเป็นประเทศต่างทั้งหมด๕ ประเทศภายไต้การปกครองของ
ประธานาธิบดี สโลโบดัน มิโลเซวิช รู้สึกว่าเขาเข้าคุกของศาลโลกนะคะ
(ตายในคุก)ในข้อหาเป็นอาชญากร ที่ก่อให้เกิดสงครามล้างเผ่าพันธ์ที่บอสเนีย
เฮอร์เซโกวินา โคโซโวฯลฯ


ตอนนั้นที่เบลเกรดมีการประท้วงแบบนี้ ว่ากันว่าตอนที่
ประท้วงนี้มีประชาชนออกมาประมาณหนึ่งล้านห้าแสนคนค่ะ
ประท้วงการแบ่งแยกประเทศ

    ช่วงนี้เองคุณสามีไปทำงานที่นี่ ทำเอาด็อกสตาร์แทบเป็นโรคประสาท
เพราะการสื่อสารลำบากมากค่ะ ไม่มีอินเตอร์เน็ท ไม่มีโทรศัพท์ทางไกล
 จดหมายนานๆมาทีขึ้นอยู่ว่าเขาอยู่เมืองที่เจริญหรือเปล่า
การคมนาคมเป็นอย่างไร ได้กินอาหารหรือไม่
บางทีถ้าด็อกสตาร์ไปดูงานที่เยอรมัน เขาจะแวะมาหาค่ะ
มากิน มานอนที่สะอาดๆมาอาบน้ำร้อน บางทีต้องไปดูที่ห้องน้ำ
ว่าทำไมเงียบไปนานพอโผล่เข้าไปเขาจะหรี่ตามอง
บอกว่าขอแช่น้ำร้อนหน่อยเถอะ ไม่ได้สบายอย่างนี้มานานแล้ว
อย่างเวลานอนก็จะนอนเหยียดแข็งเหยียดขาถอนหายใจยืดยาว
อย่างพอใจสบายใจ
    ถ้าว่างเขาจะพาเดินๆๆ ไปดูหนัง ไปสวนสาธารณะ ไปกินอาหาร
ไปกินผลไม้ผักสด บอกว่าตอนทำงานที่บอสเนีย กับโคโซโวมีแต่
ขนมปังกับชีสเป็นพื้นบางที่ไม่ได้กินอะใรตั้งสองสามวันเพราะหาอะใร
กินไม่ได้ต้องเดิน บางทีหิมะตก ถ้าอยู่กับพวกทหารนาโต้ค่อยสบายหน่อย
แต่ไม่ชอบอยู่หรอกค่ะเขาชอบฉายเดี่ยวไปทำข่าวที่พวกกองกำลัง มิลิเชีย
กับพวกวิจิลันเต้ (militia and vigilante )คือพวกกองกำลังติดอาวุท
ฝ่ายเซิร์บ หรือฝ่ายอื่นๆชอบอยู่แนวหน้ามากกว่าบางทีไปเจอเพื่อนๆ
นักข่าวก็มีบ้าง พวกทีวีบ้างอย่างคริสตี้อานน์ อมันเพอร์ก็เจอ
 บางทีไปด้วยกันเป็นกลุ่มซึ่งจะทำให้ด้อกสตาร์สบายใจมาก
    พอต้องแยกกันด็อกสตาร์ต้องกลับกรุงเทพฯต้องมีการไปซื้อของค่ะ
เขาจะซื้อของที่จำเป็นจากแฟรงเฟิร์ตหรือที่ปารีส ซึ่งขึ้นอยู่ว่าด็อกสตาร์อยู่ที่ใหน
และที่ขาดไม่ได้เขาต้องซื้อยาเม็ดชนิดหนึ่งที่ทำให้น้ำที่ดูไม่ค่อยแน่ใจ
ว่าสะอาดหรือไม่เรียกว่าเพียวริฟายด์แท็ป ใส่ลงไปแล้วดื่มได้ ยาฆ่าเชื้อ
มูสลี่บาร์หรือธัญพืชแท่ง บางที่ด็อกสตาร์จะทำให้เขาแปลกใจค่ะโดย
ซื้อช็อกโกแล็ตแอบใส่ไว้ที่เสื้อหนาวเวลาเขาท้อถอยหรือเหนื่อย
พอล้วงกระเป๋าเจอช็อกโกแล็ตเมื่อทานแล้วจะทำให้เขาลืมความเหนื่อย
ความเบื่อหน่ายไปได้บ้าง
    คนเซิร์บไม่ว่าหญิงหรือชายส่วนใหญ่จะสูงมากค่ะ โหนกแก้มสูง
เบ้าตาลึกหน้าผากลาดผมมักจะสีดำหรือสีออกเขียวๆอมดำน้ำตาล
คือบอกสีไม่ถูกค่ะจะน้ำตาลก็ไม่ใช่ ทองก็ไม่ใช่ ดำก็มีปนยังงี้แหละ
ผู้หญิงนะคะมา๑๐คนสวยทุกคน แต่ตอนนั้นสิ่งฟุ่มเฟือยเพิ่งจะเริ่มมีวาง
ขายเช่นเครื่องสำอางค์ ผู้ทุกคนเดินมาแต่งหน้ากันจัดมาก สีตา สีคิ้ว
ปากแก้มแทบจะขูดออกได้ ดูเอาเถอะใช้เครื่องสำอางค์ทาหน้าเปอะปานนั้น



  เบลกราดยามคำคืนเป็นแบบนี้ ตรงอนุเสาวรีย์มักจะมีรูปกษัตย์หรืออัศวินขี่ม้าอยู่ในจตุรัสเสมอเลย
ตรงนี้ที่ด็อกสตาร์ไปดูชาวนาประท้วงค่ัะ

   มีอยู่วันเขาพาด็อกสตาร์ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าร่วมชั้นประถม มีบ้านอยู่
นอกเมือง คนนี้มีอาชีพเล่นดนตรี เขาเล่นเชลโล่ในเรือเดินสมุทรเขาเลี้ยงอาหาร
และมีดนตรีให้ฟัง มีคนมาหลายคนเพราะอยากจะมาดูหน้าคนไทยเพราะ
ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก เคยเห็นแต่สับปะรดกระป๋องจากไทยเท่านั้น
ที่นี่ด็อกสตาร์เห็นหมาล่าสัตว์ด้วยค่ะ เห็นมันทำงานเป็นครั้งแรก
เวลามันชี้เป้าที่ยิงตกมันจะยืนนิ่งยกขาข้างหนึ่งชี้ ตลกมาก
เพื่อนคนนี้พาด็อกสตาร์ไปป่าละเมาะชานเมืองเบลกราดขับรถ
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงขึ้นเนินเขา พวกชาวเซิร์บที่รู้จักมักจะมี
กระท่อมอยู่นอกเมืองกัน พอเสาร์อาทิตย์ต่างพากันไปปลูกผัก
ล่าสัตว์เล็กหรือซ้อมยิงปืนกันค่ะ /

จบตอนที่๔
รูปทั้งหมดจากอินเตอร์เน็ทค่ะ

No comments :

Post a Comment